วันอังคารที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ท่องเที่ยวบึงพลาญชัยร้อยเอ็ด จร้า

มีความรู้เรื่องกระต่ายเยอะแล้วเรามาผ่อนคลาย....ด้วยการไปเที่ยวกันดีกว่า


เป็นผลงานที่ทำส่งอาจารย์ในรายวิชาที่เรียนนะค่ะ ติชมกันได้ >_<

ความรู้เล็กๆน้อยๆสำหรับผู้เลี้ยงกระต่าย


กระต่ายที่จะนำมาผสมพันธุ์ควรมีอายุอย่างน้อย 5-7 เดือน ขึ้นอยู่กับพันธุ์หรือมี น้ำหนักมากกว่า 2.5 กิโลกรัม อัตราส่วนของพ่อพันธุ์ต่อแม่พันธุ์คือ 1 ต่อ 8-10 ตัวและ พ่อพันธุ์หนึ่งตัวไม่ควรผสมพันธุ์เกิน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ กระต่ายตัวเมียจะมีรอบการเป็นสัด ประมาณ 16 วัน ควรผสมพันธุ์เมื้อตัวเมียเป็นสัดเต็มที่ โดยดูที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะบวมแดงมี เมือกเยิ้ม และกระต่ายอาจแสดงอาการกระวนกระวาย ส่งเสียงร้องหรือใช้เท้าตบพื้นกรง ถ้าเลี้ยงไว้หลายตัวรวมกันตัวที่เป็นสัดอาจขึ้นขี่ตัวอื่น เมื่อตัวเมียเป็นสัดเต็มที่แล้วให้จับ กระต่ายตัวเมียไปใส่ในกรงตัวผู้ ตัวเมียจะยกก้นให้ตัวผู้ผสมพันธุ์ หลังจากผสมพันธุ์เสร็จ แล้วตัวผู้จะตกจากหลังตัวเมีย และมักส่งเสียงร้องพร้อมกับใช้เท้าตบพื้นกรง


แม่กระต่ายจะตั้งท้องประมาณ 29-35 วัน โดยเฉลี่ยประมาณ 31 วัน ในช่วงแรกของ การตั้งท้อง ลูกกระต่ายจะโตขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากวันที่ 15 ของการตั้งท้อง ลูกกระต่ายจะ โตขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรให้อาหารที่มีคุณค่าสูง และเพิ่มปริมาณอาหารให้กับแม่กระต่าย เมื่อแม่กระต่ายตั้งท้องได้ 4 สัปดาห์ ให้จัดเตรียมรังคลอดที่ปูด้วยฟางหรือหญ้าแห้งใส่ใน กรงก่อนคลอด 1-2 วัน แม่กระต่ายจะกัดขนปูรังคลอด และคาบวัสดุต่างๆ ที่เราจัดไว้ไห้มา จัดรังคลอดใหม่ ส่วนใหญ่แล้วแม่กระต่ายจะคลอดในตอนเช้ามืดและให้ลูกครอกละ 5-12 ตัว ลูกกระต่ายแรกเกิดจะยังไม่มีขนขึ้น และยังไม่ลืมตาแม่กระต่ายจะให้ลูกกินนมในตอนเช้าวันละ 1-2 ครั้งๆละ 3-4 นาที เท่านั้น เมื่ออายุ 10 วันลูกกระต่ายจะลืมตา และมีขนขึ้นเต็มตัว พออายุประมาณ 15 วัน ลูกกระต่ายจะเริ่มออกจากรังคลอดและเริ่มกินหญ้าหรืออาหารแข็งได้ ลูกกระต่ายจะหย่านมเมื่ออายุประมาณ 5-7 สัปดาห์


บางครั้งจะพบว่าแม่กระต่ายให้ลูกมากเกินไปทำให้ลูกกระต่ายในครอกนั้นเติบโตช้า ผู้เลี้ยงจึงอาจนำลูกกระต่ายใปฝากแม่ตัวอื่นเลี้ยงได้ แม่กระต่ายที่จะนำไปฝากจะต้องคลอด ห่างกันไม่เกิน 3 วัน และควรฝากเมื้อลูกกระต่ายมีอายุน้อยกว่า 5 วัน โดยนำกระต่ายที่จะฝาก ไปถูกับขนของแม่กระต่ายที่จะรับฝากเลี้ยงแล้วนำไปรวมกลุ่มกับลูกกระต่ายที่มีอยู่ก่อนแล้ว ในกรณีที่ไม่มีแม่กระต่ายให้ฝากเลี้ยงอาจนำลูกกระต่ายมาเลี้ยงเองก็ได้ โดยใช้อาหารแทนนม ดังตารางที่ 3 ส่วนขวดนมก็อาจใช้หลอดฉีดขนาดเล็กหรือหลอดยาหยอดตา โดยที่ปลาย ของหลอดมีสายยางขนาดเล็กต่อสวมไว้ เพื่อให้ลูกกระต่ายดูดนมจากหลอดได้ และทำการเลี้ยงดังตารางที่ 4

ตารางที่ 4 อาหารแทนนมที่ใช้เลี้ยงลูกกระต่าย ส่วนประกอบ ปริมาณ
ไข่แดง 1 ฟอง
นมผง 120 ลบ.ซม. (ลูกบาศก์เซนติเมตร)
น้ำสะอาด 120 ลบ.ซม. (ลูกบาศก์เซนติเมตร)
>น้ำเชื่อม 15 ลบ.ซม. (ลูกบาศก์เซนติเมตร)

ที่มา : Dale L. Brooks, 1986




ตารางที่ 5 การเลี้งดูลูกกระต่ายกำพร้า อายุ การเลี้ยงดู
1 สัปดาห์ ป้อนนมวันละ 5 ลบ.ซม. วันละ 3 เวลา
2 สัปดาห์ ป้อนนมวันละ 15 ลบ.ซม. วันละ 3 เวลา
3 สัปดาห์ ป้อนนมวันละ 25 ลบ.ซม. วันละ 3 เวลา เริ่มให้ผักสด หญ้า และอาหารอัดเม็ด นำกระต่ายออกมาเล่นบ้าง
6-8 สัปดาห์ งดให้นม ให้กินผักสด หญ้า และอาหารอัดเม็ด

กระต่ายน้อยน่ารัก


GIGANTIC Rabbit

กระต่ายยักษ์ Giant Rabbit

ลักษณะ ทางกายวิภาค มีลักษณะทั่วไปเหมือนกระต่ายเเต่ต่างกันก็เพียงขนาดที่ใหญ่กว่ามาก

อัตรา การโต 10-15กิโลกรัม มีขนาดเท่าสุนัขขนาดกลาง

การเลี้ยงดู เลี้ยงเหมือนกระต่ายทั่วไปขอให้ห่วงเรื่องความสะอาดของน้ำ-อาหารรวมไปถึง สถานที่เลี้ยงด้วย ต้องสะอาดเเละมีอากาศถ่ายเทสะดวก **ถ้าเลี้ยงในห้องเเอร์จะดีมาก**

อุปนิสัย เหมือนกระต่ายทั่วไป

อาหาร หญ้าขน หญ้าเเห้ง อาหารกระต่ายสำเร็จรูป

ข้อพึงระวังในการเลี้ยง อากาศภายในที่อยู่อาศัยนั้นต้องเเน่ใจว่าถ่ายเทสะดวก เเละ ไม่เกิดการอับชื้น เพราะเนื่องจาก ฉี่ของกระต่ายนั้น มีเเอมโมเนีย ซึ่งจะสามารถทำให้เกิดความเสียหายต่อระบบทางเดินหายใจ เเละหากกระต่ายเหยียบฉี่ตลอดจะทำให้ขากระต่ายเป็นเเผลได้
ควรมีสถานที่ กว้างขวางเพื่อให้กระต่ายได้วิ่งเล่นเเละออกกำลังกายเเละได้รับเเสงเเดดด้วย

ข้อ สังเกตุเมื่อไม่สบายเเละโรคที่อาจเกิดขึ้นรวมถึงการรักษา

ควรป้องกัน ก่อนที่จะเกิดโรค

1 ควรพาเค้าไปพบสัตว์เเพทย์เป็นประจำตามใบนัดเพื่อทำการฉีดวัคซินตามโปรเเกรม

2โรค เครียดที่เกิดจากความร้อน

อาการ ปากเเละจมูกจะมีความชื้นสูง เเละอาจสูงไปถึงคาง เเละอาจมีอาการร่วมคือ เเทบไม่ขยับตัวเลยเอาเเต่นอน เมื่อมีอาการมากขึ้นจะทำให้เลือดออกทางหูได้

การรักษา หากพบเเล้วควรรีบเเยกเปลี่ยนที่ทันทีเเละพาไปที่ที่มีอากาศถ่ายเทเย็นสบาย เเละเงียบสงบ พยายามลดอุณหภูมิภายในร่างกายโดยเร็ว **โดยการจุ่มกระต่ายในน้ำเย็นประมาณ 10 วินาที
***ขอย้ำ 10 วินาที *** ส่วนหัวไม่ต้องจุ้มเเค่เอาน้ำลูบก็พอ

3 โรคระบบทางเดินอาหาร

อาการ ท้องเสีย ถ่ายเหลว

การรักษา ใช้ยา คลอเตตราซัยคลิน หรือ ออกซีตราซัยคลิน ในกินวันละ 2 ครั้ง เช้าเย็น กินร่วมกับ ผงน้ำตาลเกลือ เเร่ โออาเอส เพื่อทดเเทนการสูญเสียน้ำเเละเกลือเเร่ถายในร่างกาย

4การ เกิดอัมพาตที่ส่วนหลัง

เกิดจาก การอุ้มกระต่ายอย่างผิดวิธี หรือ เมื่อกระต่ายตกใจเเล้วยกตัวด้วยเท้าหลังอย่างเเรงมีผลทำให้กระดูกสันหลัง เลื่อน

อาการ กระต่ายจะเคลื่อนที่ด้วยขาหน้าเป็นหลักกระเพราะปัสสาวะอาจขยายใหญ่ กระดูกสันหลังเลื่อนเเละไปกดทับเส้นประสาทไขสันหลังให้ เกิดอัมพาต

หาก เป็นเเล้วรักษาได้ยากมากเนื่องจากกระดูกสันหลังเเล้วมีเส้นประสาทไขสันหลัง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากของระบบภายในร่างกาย

5 เเผลที่เท้า

เกิด จาก สถานที่เลี้ยงสกปรก ชื้นหรือเกิดจากการเหยียบฉี่ของตัวกระต่ายเองอย่างที่กล่าวไว้เเล้ว ว่า ฉี่กระต่ายนั้นมีเเอมโมเนีย

อาการ เกิดเเผลที่ฝ่าเท้า ขนบริเวณนั้นจะหลุดร่วง เกิดการอักเสบ หาก ไม่ได้รับการดูเเล กระต่ายจะเป็นมากขึ้นจะเกิดการติดเชื้อ สะเเตฟฟิลโลคลอดคลัด เเละมีหนองเกิดขึ้น เป็นได้ทั้งขาหน้าเเละขาหลัง

การรักษา ใช้น้ำอุ่นล้างเเผลเเล้วใช้ยาฆ่าเชื้อ ส่วนในกรณีที่เกิดจนเป็นหนอง ให้ทำการเปิดเเผลเเล้วล้างเอาหนองออกให้หมด หลังจากนั้นใช้ ทิงเจอร์ไอโอดีนทา ทำเช่นนี้ทุกวันจนกว่าเเผลจะหายดี
**ขอให้คำนึง เรื่องความสะอาดเเละถูกหลักอนามัยด้วยนะครับ**

6 ก้อนขนในกระเพาะอาหาร

เกิดจาก การกินขนของตัวเองเนื่องมาจากการได้รับอาหารไม่พอเหมาะ เช่นการกินอาหารจำพวกพืชผักน้อยเกินไป

อาการ บนตัวกระต่ายขนหายไปเป็นย่อมๆ เเต่ไม่พบขนกระต่ายที่หลุดร่วงเลย เเละอาการที่จะเกิดขึ้นต่อมา คือ ไม่กินอาหาร เพราะ ขน ที่กินเข้าไปนั้นรวมตัวกันเป้นก้อนอุดตันที่กระเพาะอาหาร

รักษาโดย การกรอกน้ำฟืชลงไปในส่วนของกระเพาะอาหาร

วิธีการเลือกซื้อกระต่ายและการแยกเพศกระต่าย...

หลายๆท่านเคยซื้อกระต่ายมาเลี้ยง และพบปัญหาและมีคำถามต่างๆ มากมาย แต่ไม่ทราบจะหันหน้าไปปรึกษาใคร จนในที่สุดก็เกิดอาการเบื่อหน่ายและพาลเข็ดจนเลิกเลี้ยงไปเลยก็มี เช่นซื้อเพศเมียมา เลี้ยงๆไปถึงจะเห็นว่าเป็นเพศผู้ พอกลับไปหาคนขายก็ตอบอย่างไม่รับผิดชอบว่า...
"ก็ดี ให้เก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์"...จะเก็บไว้เป็นพ่อพันธุ์ยังไงล่ะก็มีแต่ตัวผู้ทั้งนั้น

หรือบางท่านซื้อเพศผู้มา เพราะไม่ต้องการมีลูกเป็นภาระ พอเลี้ยงไป 4 เดือนไม่รู้ว่ามีลูกโผล่ขึ้นมาได้ยังไงตั้ง 4-5 ตัว วิ่งตามกินนมเจ้าตัวที่คนขายบอกว่าเป็นตัวผู้กันยั้วเยี้ย พอกลับไปหาคนขายกลับตอบอย่างอารมณ์ดีว่า "ก็ดีซิ ได้แถมตั้ง 4 ตัว" อีกเรื่องหนึ่ง ตอนซื้อลูกกระต่ายอายุไม่ถึงเดือน คนขายก็บอกว่าเป็นพันธ์แคระ จะโตกว่านี้ไม่เท่าไรหรือบอกว่าเป็นพันธุ์นั้นพันธุ์นี้ ชื่อก็ฟังดูเป็นฝรั่งดี แต่พอเลี้ยงๆไป ตัวก็โตจนจะล้นกรง ทั้งหน้าตาและขนก็ไม่ต่างไปจากกระต่ายพื้นเมืองบ้านเราเลย

ยังมีปัญหาต่างๆ อีกมากมายที่คนรักสัตว์อย่างพวกเราถูกพวกพ่อค้าหัวใสแต่ไม่มีความรับผิดชอบหลอก ที่หนักที่สุด ที่ทำให้ผู้รักกระต่ายหลายๆ รายเข็ด เลิกเลี้ยงกระต่ายไปเลยก็คือ ตอนซื้อถามคนขายว่ากระต่ายมีอายุอยู่ได้กี่ปี คนขายบอกว่า 5-6 ปี แต่พอซื้อมาอยู่บ้านเราได้ 3-4 วัน ก็นอนตายตัวแข็งทื่อโดยไม่ทราบสาเหตุ (หรือว่าอาจฟังผิดไปเองระหว่างคำว่า "ปี" กับ "วัน") แต่ทั้งนี้ก็ไม่กล้ากลับไปหาคนขายเพราะกลัวเขาจะตอบว่า "ก็โง่เองช่วยไม่ได้"

จากครั้งนั้นมาผู้เขียนก็เริ่มค้นคว้าหาความรู้เรื่องกระต่ายอย่างจริงจังจากห้องสมุด จากมหาวิทยาลัยต่างๆ จากหนังสือวิธีการเลี้ยงกระต่ายของต่างประเทศ และจากประสบการณ์การเลี้ยงและสัมผัสจากของจริง ก็ยังมีอีกหลายๆ เรื่องที่ยังไม่รู้และยังมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นให้ต้องค้นคว้ากันต่อไป แต่ก็พอจะมีความรู้และประสบการณ์อยู่บ้างจึงขออาสาถ่ายทอดให้ผู้ที่รักและกำลังคิดจะเริ่มเลี้ยงกระต่ายให้ได้ทราบกัน . สถานที่ขาย ควรเลือกจากร้านหรือฟาร์มที่เชื่อถือได้ บริเวณที่ขายควรสะอาด มีการรับประกันสุขภาพ หากป่วยหรือตายจากโรคติดต่อในเวลาที่กำหนดควรนำไปเปลี่ยนตัวใหม่ได้ ถ้ามีประวัติสายเลือด "พ่อ แม่ ปู ย่า ตา ยาย" จะดีมาก (สำหรับกรณีกระต่ายพันธุ์ที่แท้เท่านั้น)

สุขภาพ กระต่ายซึ่งมีสุขภาพแข็งแรงดูได้ดังนี้

1.ดวงตาใสสะอาด ฉายแววฉลาด ไม่มีขี้ตา
2.จมูก ปลายเนื้อจมูกชื้นเล็กน้อย ไม่แห้งและไม่เปียกชุ่ม บริเวณใต้คางต้องแห้งสนิท
3.บริเวณก้นและอวัยวะเพศสะอาด ไม่มีอุจจาระติดเลอะเทอะ เพราะอาจจะท้องเสียหรือเคยท้องเสีย
4.ขนบริเวณใต้ท้องควรแน่นและปกคลุมมองไม่เห็นหนังท้องใส เพราะอาจจะเป็นโรคพยาธิ หรือโรคอื่น ๆ ที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งมักจะทำให้กระต่ายอายุสั้น และตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
5.บริเวณจมูก ใบหู และเท้าทั้งสี่ข้าง ไม่มีแผลหรือผิวหนังตกสะเก็ดเป็นขุย
6.ในรูหูไม่มีขี้หูอุดตัน เพราะอาจเป็นรังของตัวไร กระต่ายที่อาการเช่นนี้จะไม่ถึงตาย แต่จะทำให้ไม่แข็งแรงและโตช้า และจะลุกลามไปยังตัวอื่น ๆ อย่างรวดเร็ว
7.ฟันหน้าจะต้องไม่ยื่น กระต่ายเมื่อโตเต็มที่ อายุ 3 เดือนขึ้นไปต้องมีฟันหกซี่ กระต่ายเล็ก จะมีฟัน 4 ซี่
8.ลำตัว เวลาคลำดูกระดูกสันหลังจะต้องไม่โปน ไม่พบกระดูกซี่โครงเป็นซี่ๆ เนื้อแน่นอกเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และสะโพกกลมเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ
9.สุขภาพโดยรวม มีความร่าเริงแจ่มใส และตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมดี เวลาจับต้องดิ้นหรือวิ่งหนีไม่ยอมให้จับได้ง่ายๆ

การดูเพศ

การคัดเพศในกระต่ายเล็ก อาจจะทำได้ตั้งแต่หลังคลอด 1 ถึง 2 วัน แต่โดยทั่วไปแล้ว เพื่อความถูกต้องและไม่ผิดพลาด ควรคัดเพศเมื่อกระต่ายมีอายุตั้งแต่ 3 สัปดาห์ขึ้นไป เนื่องจากสังเกตความแตกต่างระหว่างเพศได้ง่ายและชัดเจน

การจับกระต่ายเพื่อดูเพศ โดยใช้มือซ้ายจับบริเวณหนังตรงส่วนหลังของกระต่าย แล้วหงายท้องขึ้นให้หัวห้วยลง ส่วนก้นหันเข้าหาตัวเอง ลักษณะเช่นนี้ช่องอวัยวะเพศจะอยู่ติดกับช่องทวารหนัก ใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้ของมือขวา กดลงในแนวตั้งฉากกับส่วนท้อง โดยนิ้วชี้อยู่เหนืออวัยวะเพศ นิ้วหัวแม่มืออยู่ตรงช่องทวารหนัก เมื่อกดลงจะเห็นลักษณะได้ชัดเจน น้ำหนักแรงกดมีส่วนสำคัญมาก ต้องกดแรงพอที่จะให้อวัยวะเพศโผล่ขึ้นเหนือช่องท้อง

ลักษณะอวัยวะเพศเมีย เมื่อมองจากด้านบนจะมีลักษณะยาวรี เป็นรูปตัววีตั้งทำมุม 45 องศากับส่วนท้อง ไม่มีรูที่ปลายอวัยวะเพศ เมื่อมองจากด้านข้างโดยมองจากส่วนหางผ่านช่องทวารหนักไปที่อวัยวะเพศจะเห็นเส้นรอยแยกของอวัยวะเพศเมีย จากปลายยอดของอวัยวะเพศจรดช่องทวารหนัก

ลักษณะอวัยวะเพศผู้ เมื่อมองจากด้านบน จะมีลักษณะนูนกลม เป็นท่อ มีรูที่ปลายอวัยวะเพศ เมื่อมองจากด้านข้าง จะเป็นท่อกลมตั้งฉากกับส่วนท้อง

กระต่ายฉี่เป็นเลือด ....เกิดจากอะไร

เมื่อบันนี่ฉี่ป็นเลือด (โรงพยาบาลสัตว์ มหาวิทยาลัยมหิดล)

เจ้ากระต่ายแสนรักฉี่ออกมาเป็นเลือด ทำเอาเจ้าของและคุณหนูหนูในบ้านตกอกตกใจ เกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อเจ้ากระต่ายน้อยไปใหญ่โต อย่าตื่นตูม ตกใจ แต่ต้องมีสติและความรู้เบื้องต้นของ "การฉี่เป็นเลือดในกระต่าย" ก็จะรู้ว่าควรทำอย่างไรกับเจ้าบันนี่ของคุณ

การฉี่เป็นเลือด ในที่นี้หมายถึง กระต่ายฉี่ออกมาปะปนด้วยเม็ดเลือด จะมากน้อยก็สุดแท้แต่ หรือมีลิ่มเลือด (เลือดที่แข็งตัวเป็นก้อน) ออกมาด้วยก็ได้ ทั้งนี้ เจ้ากระต่ายอาจไม่แสดงอาการป่วยอื่นๆ ให้เห็น หรือบางตัวถ้าเราอุ้มหรือจับบริเวณหน้าท้องตรงตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะ เขาอาจแสดงอาการเจ็บและดิ้นรน หากฉี่ไม่ออก จะพบว่าท้องป่อง เนื่องจากฉี่อั้นไว้เต็มกระเพาะปัสสาวะนั่นเอง และฉี่เหล่านั้นมักปนด้วยเม็ดเลือด

สาเหตุของการฉี่เป็นเลือดสามารถเกิดได้จาก...

การติดเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะปัสสาวะ ทำให้อักเสบ

เนื้องอกของระบบทางเดินปัสสาวะตอนปลาย

ถูกกระทบกระเทือนรุนแรงที่กระเพาะปัสสาวะ หรือตัวไต

ก้อนนิ่ว

กรวยไตอักเสบ ติดเชื้อ

เนื้องอกของไต

นิ่วในกรวยไต

มดลูกอักเสบ

มดลูกถูกกระทบกระเทือน

เนื้องอกของมดลูก

ใน 3 กรณีหลังเป็นการเกิดในมดลูก แต่มีเลือดปนออกมากับฉี่ของกระต่าย เพราะขับถ่ายออกมาทางปากช่องคลอดด้วยกัน

ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด ให้พากระต่ายของคุณไปพบสัตวแพทย์ โดยมีการตรวจที่ละเอียดเพื่อหาสาเหตุ เช่น ตรวจฉี่ เพาะเชื้อ ฉายเอกซเรย์ หรือแม้แต่ใช้อัลตร้าซาวน์ (เหมือนในคน) การตรวจพิเศษจำเพาะอื่นๆ ที่มีเฉพาะโรงพยาบาลสัตว์ใหญ่ๆ เช่น ใช้กล้องส่องตรวจกระเพาะปัสสาวะ หรือตัดชิ้นเนื้อออกมาพิสูจน์ ฯลฯ

เมื่อคุณหมอวินิจฉัยหาสาเหตุฉี่เป็นเลือดของกระต่ายได้แล้ว ก็จะทำการรักษาให้ตรงกับสาเหตุ ให้ยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย กรณีกระเพาะปัสสาวะอักเสบเพราะเชื้อแบคทีเรีย หรือผ่าตัดเอาก้อนนิ่วที่เป็นต้นเหตุออกจากกระเพาะปัสสาวะ ฯลฯ

สำหรับกระต่ายที่วัยกลางกระต่ายหรือแก่ อาจพบว่าฉี่เป็นเลือดได้ เนื่องจากเนื้องอกของระบบปัสสาวะ
การ ป้องกันโดยทั่วไป ทำได้โดยอย่าให้กระต่ายต้องอั้นฉี่ เนื่องจากไม่มีสถานที่เหมาะสม หรือถูกรบกวนเกิดความเครียด (มีหมา แมว รายล้อม) ทั้งยังต้องจัดหาน้ำดื่มไว้ให้เพียบพร้อม แม้ว่าดูเหมือนมันจะไม่กินก็ตาม รวมถึงอาหารจำพวกพืชผักที่มีน้ำในตัวอีกด้วย นับเป็นอีกแหล่งน้ำที่สำคัญสำหรับกระต่ายของคุณ

ส่วนสาเหตุที่ฉี่เป็นเลือดมาจากการกระทบกระเทือนนั้น คุณต้องมั่นใจว่าทุกครั้งที่อุ้มหรือจับกระต่าย ทำอย่างถูกต้อง ให้ระมัดระวังลูกๆ ทั้งหลายอาจทำกระต่ายหลุดมือตกกระแทกพื้นจนฉี่เป็นเลือดก็ย่อมได้ ฉะนั้น ต้องสอนเด็กๆ ให้รู้จักวิธีอุ้มหรือจับ และเล่นกับกระต่ายอย่างถูกวิธี และมีความอ่อนโยนละมุนละม่อม เชื่อว่าด้วยวิธีเหล่านี้ จะลดโอกาสที่กระต่ายจะฉี่เป็นเลือดลงได้ค่ะ

โรคภัยที่กระต่ายมักจะประสบกันมากต่าง ๆ และวิธีแก้ไขเบื้องต้น



1. โรคท้องเสีย สาเหตุของกระต่ายท้องเสียมีหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากที่พบก็คือ จากการกิน ในบางครั้งเจ้าของกระต่าย หาอาหารหรือนำผักผลไม้ที่อวบน้ำให้กระต่ายกินเป็นจำนวนมาก ๆ เช่น แอปเปิ้ล แตงกวา บางครั้งให้กินเป็นจำนวนหลาย ๆ ลูก ซึ่งทำให้กระต่ายมีน้ำในท้องเยอะ ส่งผลให้กระต่ายท้องขึ้นและท้องเสีย และการดื่มน้ำดื่มไม่สะอาดพอ ตลอดจนสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย จากอากาศหนาวเย็นไปสู่อากาศร้อนฉับพลัน จะส่งผลให้กระต่ายถ่ายเหลว
- ลักษณะของอาการท้องเสีย กระต่ายจะนอนหมอบแบบหมดแรง และถ่ายเป็นน้ำ หรือในระยะแรกอึกระต่ายจะไม่ค่อยปั้นก้อนแข็งตัว เมื่อจับดูหรือกดก็จะพบว่า อึกระต่ายนิ่มมาก ๆ ถ้าเป็นอาการเริ่มต้นดังกล่าว ให้รีบนำผงเกลือแร่ชนิดซองที่ผสมให้คนดื่ม ผสมน้ำให้กระต่ายดื่ม เพราะกระต่ายจะเริ่มเสียน้ำมาก ๆ ทำให้กระต่ายอ่อนเพลีย และหยุดให้อาหารเม็ดทั้งสิ้น วางไว้เฉพาะหญ้าสดเท่านั้น และรีบนำส่งแพทย์โดยด่วน
- วิธีการรักษาแพทย์จะฉีดยาฆ่าเชื้อ และให้วิตามิน พร้อมกับยาฆ่าเชื้อมาให้ เจ้าของกระต่ายป้อนในปริมาณที่แพทย์กำหนด เช้า-เย็น (หรืออื่น ๆ ตามวินิจฉัยของแพทย์)

2. โรคท้องอืด สาเหตุ เกิดจากการที่อาหารของกระต่ายกินเข้าไปแล้วกระต่ายไม่ถ่ายออกมา จนทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ และหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน จากอากาศร้อนจัด ๆ ไปอากาศหนาว จะทำให้ลักษณะของลำไส้และกระเพาะของกระต่าย หดรัดตัวไม่ย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืด
- ลักษณะอาการ กระต่ายที่มีอาการท้องอืด จะนอนนิ่ง ๆ ไม่ถ่าย นิ่งซึม ลักษณะคล้าย ๆ อาการของโรค Hair ball และไม่ยอมกินอะไร เมื่อจับบริเวณลำตัวจะพบว่า ท้องแข็ง และตัวพองกลม และตามลำตัวจะมีลักษณะสีเขียว ถ้าพบอาการลักษณะนี้ ให้พยายามเอาผงเกลือแร่ ผสมน้ำป้อนกระต่าย และรีบนำส่งแพทย์ด่วน
- วิธีการรักษาแพทย์จะทำการ ส่งเอ็กซ์เรย์ และฉีดยาฆ่าเชื้อ สวนทวารของกระต่าย ให้น้ำเกลือ และสังเกตการณ์หากเป็นมากก็อาจจะต้องรับตัวไว้ที่คลินิกหรือโรงพยาบาล

3. โรคเชื้อรา สาเหตุเกิดจากความอับชื้น จากบริเวณที่เลี้ยง หรือ เชื้อที่ลอยมาตามอากาศ
- ลักษณะอาการจะมีอาการขนร่วง มากผิดปกติแบบไร้สาเหตุ หรือในบางตัวจะมีความเปียกชื้นบริเวณขนของกระต่ายที่มีขนยาว และมีสีเขียวเข้ม ๆ เป็นต้น กระต่ายจะเกา และถ้าร่วงมาก ๆ จนไม่มีขนบริเวณนั้น อาจจะส่งผลให้เกิดอาการผิวหนังอักเสบจากการติดเชื้ออื่นตามมาได้ ให้รีบนำส่งแพทย์
- การรักษา แพทย์จะทำการขูดบริเวณที่มีปัญหาขนร่วง หรือบริเวณที่มีสีเขียว บนขนกระต่าย ไปตรวจ หากเป็นเชื้อรา แพทย์จะให้ยากลุ่ม คีโตคูนาโซล ไม่ว่าจะเป็นแชมพู หรือ ครีม ให้ปฏิบัติตามแพทย์สั่ง เพราะอาการของเชื้อรา เป็นการรักษาที่ต้องใช้การดูแลต่อเนื่องเป็นเวลานาน ดังนั้นอาจจะต้องใช้ความอดทนเล็กน้อย

4. โรคกลาก เรื้อน สาเหตุเกิดจากการติดเชื้อ และการอักเสบ หรือติดเชื้อที่ลอยมาตามกระแสลมและมาเกาะบริเวณตัวกระต่าย และหรือในบางทฤษฎี บอกว่าเกิดจากพยาธิในตัวกระต่าย ที่แย่งอาหารต่าง ๆ ไปจนทำให้กระต่ายขาดสารอาหารและเป็นแผลตกสะเก็ด (ไม่ขอยืนยัน)
- ลักษณะอาการบริเวณใบหู จมูก หรือ เท้า จะมีลักษณะของการเป็นแผลตกสะเก็ด และกระต่ายจะเกาและคันมาก หากปล่อยไว้นาน ๆ อาการตกสะเก็ดจะลุกลามไปเรื่อย ๆ อาจจะส่งผลให้กระต่ายเสียชีวิตในเวลาต่อมา (อาการดังกล่าวคล้าย ๆ ขี้เรื้อนในสุนัข)
- การรักษา แพทย์จะทำการวินิจฉัยเชื้อ และให้ครีมมาทา เช้า – เย็น และให้ยาฆ่าเชื้อมาป้อนประกอบกันเช้าและเย็น ต้องหมั่นและขยันทาครีม ตลอดจนป้อนยาอย่างต่อเนื่อง และแผลตกสะเก็ดจะแห้ง และเมื่อแผลแห้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บริเวณผิวหนังของกระต่ายบริเวณที่เป็นกลากหรือเรื้อน จะค่อย ๆ มีขนเข้าปกคลุมแต่อาจต้องใช้เวลาสักระยะ

5. Hair Ball สาเหตุเกิดจากการที่กระต่าย เลียขน (แต่งตัว) เข้าไปเป็นระยะเวลานาน ๆ แล้วไปสะสมในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เกิดการอุดตันในระบบทางเดินอาหารไม่ว่าจะเป็นบริเวณกระเพาะอาหารหรือ บริเวณลำไส้ ทำให้กระต่ายไม่ถ่ายหรือถ่ายออกมาเป็นปริมาณที่น้อยมาก ๆ Hair Ball เป็นโรคที่พบได้ในกระต่ายทุกสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นขนสั้นหรือขนยาว
- ลักษณะอาการ ที่ควรหมั่นสังเกตุ อาการเบื้องต้นของกระต่ายที่มีลักษณะของโรคแฮร์บอล ให้สังเกตุที่อึของกระต่าย หากอึมีลักษณะของเส้นขนที่ร้อยอึออกมาด้วยลักษณะคล้าย ๆ สร้อยมุก ให้สันนิษฐานว่ากระต่ายมีอาการของโรคแฮร์บอล
- วิธีการรักษาเบื้องต้น ให้หาเจล Laxatone มาป้อนให้กระต่ายกิน สัดส่วนที่พอเหมาะ ประมาณ 1 CC ต่อ 1 กิโลกรัม หรืออาจจะมากกว่านั้นเล็กน้อย ป้อนเช้าและเย็น และสังเกตอาการว่ากระต่ายถ่ายออกมาได้มากขึ้นหรือไม่ ให้ป้อนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 – 5 วัน หรือ 1 สัปดาห์ แล้วหยุดป้อน และสังเกตอาการต่อหาก อึของกระต่ายที่มีเส้นขนร้อยออกมาหมดไป ก็ให้สบายใจได้ แต่ถ้ายังไม่หมด ถ้าต้องการความสบายใจให้รีบไปปรึกษาแพทย์ดีที่สุด

6.โรคหรือลักษณะทางพันธุกรรม สามารถถ่าย ทอดไปยังลูกได้ เช่น ลักษณะฟันยื่น โรคทางพันธุกรรมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถช่วยเหลือหรือรักษาได้ตามอาการของกระต่ายที่เป็น เช่นกระต่ายฟันยื่น ก็สามารถพากระต่ายไปตัดฟันออกให้ฟันสบกันพอที่จะให้กระต่าย ไว้ใช้กัดแทะหรือบดเคี้ยวอาหารได้อย่างสะดวก ส่วนปัญหาคอเอียง หรือขาแป ต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด ปัญหาทางพันธุกรรมหลัก ๆ เกิดจากการนำกระต่ายที่มีสายเลือดใกล้ชิดกัน เช่น ปู่ ย่า พ่อ แม่ พี่น้อง มาผสมพันธุ์กันเอง หรือก็เป็นปัญหาจากการผสมข้ามสายพันธุ์ก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาลักษณะผิดปกติ ดังเช่นที่ผ่านมาได้เช่นกัน

การป้องกันโรค ทำได้โดยพยายามลดสาเหตุของโรคให้เหลือน้อยที่สุด ได้แก่
- เลือกชื้อกระต่ายที่แข็งแรงและปลอดโรคมาเลี้ยง
- ดูแลกระต่ายให้อยู่สภาพที่สบาย สะอาด ได้รับอาหารและน้ำเพียงพอ ไม่ร้อนเกินไป และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
- หมั่นตรวจและสังเกตุลักษณะอาการของกระต่ายเป็นประจำ ถ้าพบกระต่ายป่วย ควรแยกไปเลี้ยงในที่เฉพาะและทำการรักษาทันที ถ้าไม่สามารถรักษาได้ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์ ส่าหรับกระต่ายตัวอื่นที่ยังไม่ป่วยควรดูแลเป็นพิเศษและทำความสะอาดโรงเรือน ให้บ่อยขี้น
- ไม่ควรใช้ยาเอง ถ้าไม่มีความรู้เพียงพอ ถ้าจะใช้ยาเองควรทำตามคำแนะนำของ สัตวแพทย์ และไม่ควรใช้ยาโดยไม่จำเป็นเพราะจะทำให้เชื้อโรคตื้อยาได้

วิธีการจับกระต่าย

กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตกใจง่าย ดังนั้นการจับกระต่ายจะต้องทำด้วยความนุ่มนวลและถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยของ ตัวกระต่ายและตัวผู้จับด้วย ไม่ควรจับกระต่ายโดยการหิ้วหูเพราะจะทำให้กระต่ายเจ็บปวด และอาจเป็นสาเหตุทำให้กระต่ายหูตกได้ การจับกระต่ายที่ถูกวิธีมีดังนี้

1. ลูกกระต่าย ใช้มือที่ถนัดจับหนังบริเวณสะโพกให้มั่นคง แล้วยกขึ้นตรงๆ
2. กระต่ายขนาดกลาง ใช้มือขวา ( หรือมือที่ถนัด ) จับหนังเหนือไหล่ให้มั่นคง อาจรวบหูมาด้วยก็ได้ มือซ้ายรองใต้ก้นให้ด้านหน้าของกระต่ายหันออกนอกตัวผู้จับ
3. กระต่ายใหญ่ ใช้มือขวาจับแบบวิธีที่ 2 แล้วยกอ้อมขั้นมาทางซ้ายมือใช้แขนซ้ายหนีบให้แนบชิดลำตัว โดยใช้มือซ้ายช่วยประคองก้น ให้หน้ากระต่ายหันไปทางหลังของผู้จับและขากระต่ายชี้ออกนอกตัวผู้จับ

กระต่ายคืออะไร



กระต่ายคืออะไร?
คำถามนี้ อาจฟังดูว่าเป็นคำถามที่ติดจะกวน ๆอยู่สักหน่อย เพราะคล้าย ๆกับว่า ใคร ๆ ก็รู้นี่นา ว่ากระต่าย ก็คือ....เอ้อ....คือ....ก็คือ ...กระต่ายน่ะซีเฟร้ย!
ถ้าอย่างนั้น ผมถามคุณใหม่ก็แล้วกันว่า คุณ รู้จักกระต่าย หรือเปล่า?
ลองตอบคำถามดูหน่อยนะ ว่า กระต่ายที่คุณ ๆ คิดว่า “รู้จัก” กันดีนั้น คุณรู้จัก มัน เอ๊ย....เค้า แค่ไหน
1. กระต่าย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากระไร?
2. กระต่ายมีใบหูไว้ทำอะไร?
3. กระต่ายตัวเมีย มีประจำเดือนหรือเปล่า?
4. กระต่ายใช้อะไรในการย่อยอาหาร?
5. หมาเห่าโฮ่งๆ แมวร้อง เหมียวๆ แล้วกระต่ายร้องอย่างไร?
6. กระต่ายมีฟันกี่ซี่?
7. กระต่ายตั้งท้องกี่วัน จึงจะคลอด?
8. อึกระต่ายมีกี่ชนิด?
9. กระต่ายประกาศขอบเขตถิ่นดินแดนของตนด้วยวิธีการใด?
10. กระต่าย จะแหวะ(อ้วก) ในกรณีใด?
เอาแค่ 10 ข้อ ก่อนแล้วกัน.....เอ้า....ตอบมาสิจ๊ะคนดี นั่งทำหน้าบ้องแบ๊วอยู่ได้ !!!!

ติ๊งต่างว่าคุณตอบแล้ว ก็แล้วกัน ลองมาฟังเฉลยนะจ๊ะ
1. กระต่าย มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่ากระไร?
กระต่ายเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลังเลี้ยงลูกด้วยนม
อยู่ใน ORDER (ชั้น) LAGOMORPHA
FAMILY (วงศ์) LEPORIDAE
GENUS (สกุล) ORYCTOLAGUS
SPECIES (ชนิด) CUNICULUS
โปรดสังเกต SPECIES หรือชนิดของกระต่าย ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เขากำหนดชื่อว่า CUNICULUS (ออกสำเนียงว่า คูนิคูลัส จ้ะ) ใครที่เคยเห็นอาหารกระต่ายยี่ห้อหนึ่ง มีชื่อ อาหารว่า Cuni Nature อะไรทำนองนี้ ก็คงนึกออกนะ ว่า เจ้า Cuni นี่ เขาประสงค์จะสื่อถึงอะไร

2. กระต่ายมีใบหูไว้ทำอะไร?
ปกติสัตว์ทั่วไปก็มีใบหูไว้ ช่วยให้การฟังเสียงชัดขึ้น คือให้เสียงมากระทบใบหูแล้วรวมเสียงพุ่งเข้าไปในรูหู สัตว์แทบทุกชนิดหันใบหูไปมาได้ เพื่อรับฟังเสียงจากทิศต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องเอียงคอหรือหันหน้าไปหาแหล่งกำเนิดเสียงแบบที่คนทำ (ก็คนเรากระดิกหูไม่ได้นี่นาเนอะ)
กระต่ายเป็นสัตว์ในกลุ่ม ผู้ถูกล่า ต้องระแวดระวังภัยจากนักล่าตลอดเวลา ดังนั้น กระต่ายทั่วไปยกเว้นสายพันธุ์ Lop หูจะตั้ง ไว้ดักฟังเสียงอย่างที่ว่ามา
แต่สำหรับกระต่าย....ใบหูจะมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่ง คือเป็นอวัยวะสำคัญในการระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยการส่งเลือดไปที่เส้นเลือดฝอยในใบหู เมื่อใบหูรับลมเย็น ก็จะเป็นการลดความร้อน เลือดที่เย็นลงก็จะวกกลับสู่ร่างกาย เลือดที่ร้อนกว่าก็จะหมุนวนเข้ามาแทน ร่างกายก็จะเย็นลง ฟังดูเหมือนหม้อน้ำรถยนต์เลยนิ
อ้อ....มีสัตว์อีกชนิดหนึ่ง ที่ใช้ใบหูระบายความร้อนให้ร่างกาย...ใครรู้ไหมว่าสัตว์อะไร บอกให้ก็ได้ว่า ช้าง จ้ะ แต่ช้างแน่กว่าตรงที่ โบกใบหูให้กระพือรับลมได้ด้วย
ดังนั้น เราจึงสรุปได้ว่า กระต่ายเหมือนกับช้าง....เอ...ตรรกกะ แบบนี้ ใช้ได้หรือเปล่าหว่า?

3. กระต่ายตัวเมีย มีประจำเดือนหรือเปล่า?
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมส่วนใหญ่ รวมทั้งคนเรา ก็จะมีประจำเดือน มีรอบการตกไข่ กันแทบทั้งนั้น อย่างคนเราก็มีทุก 28 วัน การผสมพันธุ์ให้เกิดลูก ก็จะเกิดขึ้นแค่เดือนละ 2-3 วันในช่วงไข่สุกเท่านั้น ผสมวันอื่น ก็ไม่ท้องหรอก เสียของเปล่า ๆ 55555
แต่แม่เจ้าประคุณกระต่ายสาว ๆ ของเรานี่ พิลึกจ้ะ เพราะแม่คุณไม่มีกำหนดการตกไข่ ไม่มีประจำเดือน ประจำปักษ์ ประจำสัปดาห์หรือประจำอะไรอย่างใครเขาหรอก she มีไข่ที่พร้อมจะรับการผสมแทบตลอดเวลา ดังนั้น การเลี้ยงกระต่ายสาว กะกระต่ายหนุ่มอยู่ด้วยกัน โอกาสที่จะ โอลัลลา ปั่มปั๊ม แล้วตั้งท้อง จึงเกิดขึ้นได้แทบทุกวัน ถ้ายังไม่พร้อมจะเลี้ยงกระต่ายเป็นฝูง ๆ ละก็....พึงเลี่ยงสภาวะนี้ให้ดีเน้อ
4. กระต่ายใช้อะไรในการย่อยอาหาร?

เมื่อกระต่ายเคี้ยวอาหารเสร็จ อาหารจะถูกส่งผ่านหลอดอาหาร(Esophagous) ช่วงนี้อาหารจะยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากจะมีขนาดเล็กลง เมื่ออาหารลงไปที่กระเพาะ(Stomach) ที่นี่อาหารบางส่วนจะถูกย่อยด้วยน้ำย่อย แต่การย่อยอาหารแทบทั้งหมดไม่ได้ย่อยในกระเพาะนะ เมื่ออาหารส่งเข้าไปในลำไส้เล็ก(Small Inetentine) จึงจะมีการดูซึมเอาโปรตีนและคาร์โบไฮเดรทไปใช้งาน อาหารส่วนที่เหลือส่งต่อไปที่กระพุ้งลำไส้ (Caecum) ใน Caecumนี้เองที่อาหารส่วนที่ไม่ได้รับการย่อยทั้งหมดจะได้รับการย่อยซ้ำ (Re digestion) ด้วยการทำงานของแบคทีเรียหลายชนิดร่วมกับEnzyme

การที่กระต่ายต้องอาศัยแบคทีเรียในการย่อยอาหารนี้เอง กระต่ายจึงจะมีสุขภาพที่ดีมาก ถ้าภาวะของแบคทีเรียในพุงของเค้าสมดุลย์และสมบูรณ์ดี และหลายกรณีที่เราต้องให้ยาปฏิชีวนะกับกระต่าย ยาบางตัวอาจเข้าไปทำลายแบคทีเรียทั้งดีทั้งร้ายให้ตายตกไปตามกัน หลังฟื้นไข้ ถึงต้องมีการเสริมแบคทีเรียดี ๆ ให้เค้าด้วยจ้ะ

5. อึกระต่ายมีกี่ชนิด?
จากเรื่องการย่อยอาหารที่ว่ามาเมื้อกี้ กากอาหารที่พ้นจากการย่อย จะถูกปั้นเป็นก้อนกลม ๆ โดยการบีบตัวของลำไส้ใหญ่ (Colon) แล้วขับออกผ่านทวารหนัก (Rectum) ออกทางรูกัน (Anus) เป็นอึที่เราเห็นทั่วไป
กากอาหารบางส่วน ที่รวมกับแบคทีเรียชั้นดีใน ซีคั่ม จะถูกเคลือบด้วยเมือกก่อนจะส่งไปที่ทวารหนักแล้วขับออกมาในลักษณะ เม็ดจิ๋ว ๆ เกาะกันเป็นพวง คล้ายพวงองุ่นเล็ก ๆ เราจึงมักเรียกอึแบบนี้ว่า “อึพวงองุ่น”
อึพวงองุ่นนี่ บางส่วน กระต่ายจะกินกลับเข้าไปเพื่อเพิ่มหรือรักษาสมดุลย์ของแบคทีเรียให้กับตัวเอง ว่ากันว่า มันจะก้มลงกินจากก้นของมันเลย และมักกินช่วงกลางคืน เราจึงไม่เห็นมันกินอึพวงองุ่นให้เห็นต่อหน้าต่อตาเท่าไหร่
"อึปกติ ก้อนกลมๆ กับอึพวงองุ่น ก้อนเล็กๆติดกันเป็นมันวาว ที่สำคัญกลิ่นแรงได้ใจ"
6. หมาเห่าโฮ่งๆ แมวร้อง เหมียวๆ แล้วกระต่ายร้องอย่างไร?
ในกระบวนสัตว์เลี้ยงทั้งปวงที่ผมเคยเลี้ยงมา ผมว่า นอกจาก ปลา แล้ว กระต่ายนี่เป็นสัตว์ที่ เงียบที่สุด เพราะแทบจะไม่เคยได้ยินเสียงกระต่ายเลย ขนาดเจ็บก็ยังไม่ยอมร้อง ได้แต่ทำตาขวาง ๆ
แต่ก็มิใช่ว่ากระต่ายจะส่งเสียงไม่ได้ เวลาเขาไม่พอใจ หรือโกรธ หรือประสงค์จะขู่ (ซึ่งก็หาความน่ากลัวอะไรมิได้แม้แต่น้อย) เขาจะกระทืบเท้าหลังกับพื้น ดังกึง ๆๆๆ แล้วก็อาจทำเสียงออกจากลำคอประมาณว่า อุกๆๆๆๆ หรืออูดๆๆๆๆ (ไม้ใช่ร้องอู๊ด ๆอย่างหมูนะ) แต่ก็ไม่ได้ดังมากอะไร ขนาดอุ้มอยู่กับอก ยังได้ยินไม่ค่อยชัดเลย
เอ้อ....มีรายงานอย่างไม่เป็นทางการจากเพื่อนชาวทาสกระต่าย บ่นมาว่า กระต่ายบางตัวหลับแล้ว กรน เสียง โฮก ๆๆๆ เรื่องนี้ข้าพเจ้ามิกล้ายืนยันนะขอรับ

7. กระต่ายมีฟันกี่ซี่?
ถ้ากระต่ายของคุณใจดียอมให้จับมาแหก...เอ๊ย..เปิดปาก ดูฟัน มองเผิน ๆ จะเห็นว่ากระต่ายมีฟัน 4 ซี่ คือ บน 2 ซี่ ล่าง 2 ซี่ แต่ถ้า เค้ายังใจดีอ้าปากให้เอา Otoscope (ซึ่งปกติจะใช้ส่องดูอะไร ๆ ในรูหู) ส่องเข้าไปดูในปาก จะเห็นว่า ฟันบนที่เห็นแค่ 2 ซี่ นั้น ด้านหลังฟันที่มองเห็น ยังมีฟันอีกคู่หนึ่งซ่อนอยู่ แต่จะสั้นกว่าฟันหน้า จึงถูกฟันหน้าบังมิด คุณหมอเขาเรียกว่าฟันกราม เราก็งงนิ ว่ามันเป็นกรามแบบไหนถึงไปซ่อนอยู่ตรงนั้น
ส่วนฟันล่าง ก็มีเท่าที่เห็นคือ 2 ซี่ รวมเป็นกี่ซี่ก็บวกกันเอาเองนะจ๊ะ
การที่กระต่ายฟันยื่น ฟันยาว ฟันเกย์...เอ๊ย เก เป็นอย่างไร...ดูแลอย่างไร ฯลฯ ขอยกยอดไปเล่าในเรื่องของฟันทีหลังนะ

8. กระต่ายตั้งท้องกี่วัน จึงจะคลอด?
ในกลุ่มนักเลี้ยงสัตว์ อย่างพวกผม มีวิธีการจำว่าสัตว์แต่ละชนิดตั้งท้องนานเท่าไหร่กันบ้าง ดังนี้
“หมาเท่าหู หมูเท่าขา วัวเท่าคน”
ขยายความได้ว่า หมาท้อง 2 เดือน คือเท่ากับหู 2 ข้าง หมูท้อง 4 เดือน เท่ากับขา คือ 4 ข้าง (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหมูตัวเมียที่ขาด้วนข้างหนึ่งจะท้อง 3 เดือนนะยะ) ส่วนวัว ท้องนาน เท่า ๆ กับคน คือ 9 เดือน
ส่วนกระต่ายบ้านหรือกระต่ายที่เราเลี้ยงนั้น จะตั้งท้องราว ๆ 1 เดือน คือ 30 วัน ที่ว่า ราว ๆ ก็คืออาจท้องนาน 28-35 วัน จากประสบการณ์พบว่า ถ้าลูกในท้อง มากตัว จะคลอดเร็ว น้อยตัวจะคลอดช้า ใครมีประสบการณ์ทำนองนี้ กรุณาส่งข่าวสารมาเล่าสู่กันฟังบ้างก็จะดีเป็นอย่างยิ่ง
ดังนั้น นอกจากจะจำว่า “หมาเท่าหู หมูเท่าขา วัวเท่าคน” แล้ว ยังควรจะจำเพิ่มอีกด้วยว่า “กระต่ายเท่าหาง” อิอิ

9. กระต่ายประกาศขอบเขตถิ่นดินแดนของตนด้วยวิธีการใด?
บริเวณทวารหนักของกระต่าย จะมีต่อมผลิตกลิ่นเฉพาะตัวของเค้า อึและฉี่กระต่าย จึงมีกลิ่นเฉพาะตัวที่ใช้ประกาศเขตแดนได้ และอธิบายได้ว่า ทำไม๊.....ทำไม น้องกระต่ายของเราจึงมักสบัดฉี่ และอึกระจายไปทั่วห้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตามมุมห้อง ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดเขตแดน
ต่อมกลิ่นเฉพาะตัว อีกต่อมหนึ่ง จะขับกลิ่นออกมาจากใต้คาง น้องกระต่ายจึงเที่ยวเอาคางไปถู ๆ ไถ ๆ กับสิ่งของต่าง ๆ อันนี้มิใช้การประกาศเขตแดนโดยตรง แต่เป็นการแสดงความเป็นเจ้าของ ว่า “อันนี้ ของหนู” ๆๆๆ


10. กระต่าย แหวะ(อ้วก) ในกรณีใด?
กระต่าย เป็นสัตว์ที่แหวะไม่ได้ เพราะระบบการทำงานของกระเพาะของกระต่าย ไม่มีการบีบรัดตัวหรือผลักอาหารให้พุ่งกลับมาที่หลอดอาหารแล้วพ่นออกมาทางปากได้
ดังนั้น......แอ่น....แอ๊น....มีกรณีเดียวที่กระต่ายจะ แหวะ อ้วก หรืออาเจียน ก็คือ ......
มันเป็นสัตว์อื่นปลอมตัวมา!!!
หวังใจให้ทุกท่านมีความสุขโดยทั่วกัน อายุมั่น ขวัญยืน มีกระต่ายน่ารัก ๆ เคียงกายเคียงใจตลอดไป ใครอยากรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับกระต่ายก็บอกมา ในหน้า web board ก็ได้ค่ะ อุกๆๆๆๆ

มือใหม่เพิ่งเลี้ยงกระต่าย มีสิ่งที่ต้องระวังจ้า


1.อาหารน้อง
กระต่ายอายุ1-3เดือน<งดผักและผลไม้เด็ดขาด>ย้ำว่าเด็ดขาด!!!!!
แนะนำให้กินแต่หญ้าแห้งกับอาหารเม็ดเท่านั้นนะคะ ระบบย่อยเค้ายังไม่ดี
ถ้ากินอย่างอื่น เสี่ยงต่อท้องเสียมาก

มือใหม่หลายคนที่เลี้ยงกระต่ายแล้วตาย 99.99% ชอบโทษว่าซื้อที่จตุจักรบ้างล่ะ กระต่ายมีเชื้อโรคบ้างล่ะ จริงๆ มันเกิดจากอาการอื่นๆที่นอกเหนือจากหญ้ากับอาหารเม็ดที่ให้เค้ากินเลยท้องเสียตาย

ถ้าท้องเสียแล้วทำไงถ้าไม่มีหมอไม่มียาแก้ท้องเสีย<ต้องให้ยาแก้ท้องเสียกระต่ายเท่านั้นนะคะ>
จริงๆก็แล้วแต่ตัดสินใจค่ะ "อยากให้หาหมอเชี่ยวชาญกระต่ายนะค่ะเพราะหาหมอหมาแมวก็อาจจะตายเหมือนกัน"

-แนะนำให้หยุดอาหารเม็ด และกินหญ้าแห้งอย่างเดียวจนกว่าจะดีขึ้น ถ้าแย่ลง หาหมอค่ะ
-ที่สำคัญควรมียาสำหรับแก้ท้องเสียและแก้ไข้ของกระต่ายโดยเฉพาะติดไว้ที่บ้านเสมอนะค่ะ แล้วกระต่ายกินยาของคนไม่ได้ค่ะ

2.อาหารของคน
กระต่ายกินไม่ได้นะค่ะ เพราะกระต่ายไม่ใช่คนเค้าต้องการสารอาหารไม่เหมือนเราคะเช่น หมูปิ้ง*พิซซ่า
แต่อาหารคนบางอย่างก็กินได้ค่ะแต่ต้องศึกษาดีๆเสียก่อนเช่น จมูกข้าวสาลี เป็นต้นค่ะ

3.กินกระดาษเป็นอะไรมั้ย ?
เป็นค่ะถ้ากินปริมาณมากๆ ถ้ากินปริมาณน้อยๆก็ไม่เป็นอะไรแต่ทางที่ดีอย่าให้กินเลยดีกว่าค่ะ

4.แทะของกัดของ
กระต่ายเป็นสัตว์ที่ชอบแทะค่ะนิสัยนี้เลิกไม่ได้เด็ดขาด เราควรมีบริเวณสำหรับให้เค้าวิ่งเล่นนะค่ะรึไม่ก็เก็บข้าวที่สำคัญออกห่างจากเค้ามากที่สุด โดยเฉพาะสายไฟ

5.อาบน้ำ
โดยทั่วไปไปกระต่ายไม่จำเป็นต้องอาบน้ำ~!!! ถ้าไม่มอมแมมแบบเต็มที่จริงๆ
ถ้าจำเป็นใช้แชมพูที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง อย่าใช้ของคนนะค่ะเพราะแห้งเกินไปสำหรับเค้า
พออาบเสร็จก็ใช้ไดร์เย็นเป่าหรืออุ่นๆพอ ห้ามใช้ความแรงสูงนะค่ะ

6.แทะกรง
ต้องปล่อยเค้าวิ่งเล่นบ้างนะคะสังเกตได้จากเค้าจะกัดกรงหรืออาละวาดแสดงว่าเค้าเครียดอยากออก
ถ้าปล่อยให้เค้าวิ่งทุกวัน แต่ละวันให้วิ่งจนพอใจ พอเอาเข้ากรง เค้าก็จะไม่แทะกรงแล้วจ้า

รู้ได้ไงว่าพอใจ ปล่อยแรกๆ เค้าก็วิ่งๆ ซนๆถ้าเริ่มหามุมนอนแสดงว่าเริ่มพอใจแล้วแต่อย่าเพิ่งใจร้ายจับเข้ากรงทันทีนะให้เค้านอนเล่นอีกซักหน่อย ค่อยจับเค้ากรง


7.ฝึกกระต่ายเข้าห้องน้ำ
นิสัยกระต่าย เค้าฉี่เป็นที่นะ แต่ต้องฝึกให้ถูกที่หน่อยเท่านั้นเอง (แต่อึ ก็แล้วแต่ตัวนะ)
เค้าจะชอบฉี่แถวๆ ที่เค้าเคยฉี่ เช่น ถ้าเค้าเคยเผลอฉี่แถวนี้ เวลาเค้าจะฉี่เค้าก็จะมาที่แถวๆที่เดิม เพราะว่ามัีนมีกลิ่นอยู่ไงเราต้องเช็ดกลิ่นออกให้หมดนะ โดยเฉพาะแถวที่เราำไม่อยากให้เค้าฉี่อ่ะ ใช้น้ำเปล่าเช็ดไม่หมด ต้องใช้น้ำยา(บางคนก็ใช้เดทตอล)

ให้เอาห้องน้ำไปวางไว้แถวๆ ที่เค้าชอบฉี่
ต่อไปให้เอาทิชชู่เช็ดฉี่ แล้วเอาไปไว้ในห้องน้ำเค้า เอาเค้าไปดม

ถ้าเห็นเค้าทำท่าจะฉี่หรือเผลอฉี่ให้รีบอุ้มไปไว้่ที่ห้องน้ำไม่ต้องกลัวนะเค้าำไม่ฉี่ใส่เราหรอก อุ้มปุ๊ป ก็หยุดฉี่แล้ววางเค้าไว้ที่ห้องน้ำ ก็ลูบๆ เค้าแหละ แบบว่าให้ฉี่เสร็จก่อนถึงปล่อยให้ไปวิ่งเล่น ทำบ่อยๆเดี๋ยวเค้าก็รู้เอง
**เหมือนเดิม ตรงที่เค้า้ฉี่ก็ไปเช็ดให้หมดกลิ่น ถ้ายังฉี่อีก แสดงว่ามีกลิ่น ก็ต้ัองไปเช็ดอีก

8.วัยกำลังหยืดตัว
ส่วนมากคนที่เลี้ยงแรกจะบอกว่าทำไมตอนซื้อมาน่ารักจังเลยพอโตมาแล้วไม่น่ารักเราจะต้องไม่ท้อแท้ค่ะ กระต่าย1-2เดือนจะกำลังน่ารักน่าเล่นค่ะ ส่วนมากพออายุ3-5เดือนจะเป็นวัยกำลังหยืดตัว<กำลังน่าเกลียด บางตัวก็น่ารักตลอด^^> 6-7เดือนขึ้นไปน้องเค้าจะกลับคืนสู่สภาพความเป็นกระต่ายพันที่แท้จริงของเค้าค่ะ รึอาจไม่คืนเลยแต่เลี้ยงเค้ามาแล้วนี้นาก็ต้องเลี้ยงต่อไปเพราะรักเข้าอย่างจัง


9.พูดกับเค้าบ่อยๆ นะ เค้ารู้เรื่องลูบหัวเค้าบ่อยๆบางตัวก็ขี้อ้อน


10.น้ำแนะนำให้ใส่ขวดและควรเป้นน้ำสะอาดไม่ใช้น้ำปะปาน่ะ หากใส่ถ้วยเวลาน้องกินน้ำจะเข้าจมูกน้อง
และบางตัวจะเข้าไปเล่นจนเปียกหมดทั้งตัวจะเป็นหวัดได้


11.ป่วย
น้องป่วยเป็นอะไร ห้ามให้ยากินเองเด็ดขาด และรีบพาไปหาหมอโดยด่วน อย่าคิดว่าเล็กน้อย
ถ้ากระต่ายถึงขั้นชั๊ก ภายใน 5 นาที ก็บ๊ายบายได้เลยกระต่ายแพ้แอสไพรีน

12.การผลัดขน
กระต่ายผลัดขน ทุกๆ 3 เดือน ผลัดขนครั้งแรกอาจมีเพียงเล็กน้อย และสังเกตุไม่เห็น แต่~!!!!
การผลัดขนครั้งต่อไปจะเยอะมากบางตัวถึงขนแหว่งได้เลยอย่าตกใจ นะค่ะ

*เราควรแปรงขนให้ทุกวัน ถ้า-แปรงสวนทางและลากจางหางไปหัวบ่อยไป จะทำลายขนของกระต่ายได้
แนะนำ ให้ดึงขนที่หลุดออกมาอย่างเบามือแล้วตามด้วยแปรงขน เอามือแตะน้ำแล้วลูบกระต่ายจากหัวจรดหาง
จะช่วยให้กำจัดขนที่ตายแล้วออกได้

** กระต่ายแ่ต่ละตัวใช้เวลาต่างกัน บางตัว 1-2วัน ลางตัวใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์ **

13.กระต่ายเด็ก หรือไม่กิน ไม่อึ ไม่ฉี่
-แนะนำให้ไปซื้อนมแพะที่เป็นกระป๋อง
-นมแมว (เ้ป็นผง ชงเอง)
ทิ้งให้หายร้อนก่อนนะคะ ให้ทดสอบกับหลังมือว่าร้อนไปไหม

**ห้ามใช้นมวัวเด็ดขาด กระต่ายจะท้องเสีย**ใช้ดรอปเปอร์ป้อน

อุ้มแบบเด็กกินนมอ่ะจ้า
แรกๆ ต้องบังคับกิน พอผ่านไปสัก 2 วันนะ ดูดไม่ปล่อยเลย

อาหารก็ไว้ในกรง ลองสังเกตดูว่าเค้าเริ่มกินก็ค่อยๆ ลดนมลงค่ะ

พฤติกรรมของกระต่าย


พฤติกรรมของกระต่าย

โดยธรรมชาติ กระต่ายเป็นสัตว์ที่ตื่นตัวในเวลาเช้าและค่ำ กระต่ายบางตัวคึกคักอยู่ตลอดคืน ดังนั้นช่วงเวลานี้อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่คุณควรเล่นกับมัน

กระต่ายเป็นสัตว์สังคม จึงชอบที่จะอยู่รวมกันหลายๆตัว และมีพฤติกรรมแย่งชิงความเป็นใหญ่ในตัวผู้ พวกมันจะต่อสู้กันเพื่อขึ้นเป็นผู้นำ คงไม่ปลอดภัยแน่ที่จะใส่ตัวผู้วัยฉกรรจ์ 2 ตัว (ที่ไม่ได้ตอน) ไว้ด้วยกัน นอกจากนี้ ตัวผู้ที่ยังไม่ได้ตอนยังมีแนวโน้มที่จะแสดงอาณาเขตเช่นเดียวกันกับกระต่ายป่าอีกด้วย


พฤติกรรมการแสดงออกต่างๆ ของกระต่ายบอกอะไร?

~*~การขุด~*~

ในธรรมชาติกระต่ายขุดดินเพื่อสร้างโพรง การขุดคือพฤติกรรมที่สำคัญตามธรรมชาติของพวกมัน โดยลูกกระต่ายจะชอบขุดดินเล่นมากเป็นพิเศษ คุณควรหาสถานที่หลายๆ แบบให้กระต่ายขุด เช่น กล่องเปล่า หรือกล่องใส่กระดาษ เมื่อไรก็ตามที่คุณจับได้ว่ากระต่ายของคุณขุดในที่ๆคุณไม่อยากให้มันทำ ใ้ห้ใช้คำพูดที่เฉียบขาดกับมันและจับใส่กล่อง เมื่อมันขุดในกล่องที่จัดให้แล้ว อาจให้อาหารมันเล็กน้อยเพื่อเป็นรางวัล


~*~การสื่อสาร~*~

กระต่ายสามารถเป็นสัตว์ที่คุยสนุกได้เมื่อถึงเวลา เคล็ดลับคือการเรียนรู้ที่จะเข้าใจว่ากระต่ายกำลังพยายามจะบอกอะไรกับคุณ บางครั้งกระต่ายจะบอกสิ่งต่างๆ กับคุณด้วยการทำเสียงหรือส่งเสียงร้อง เช่น คำราเมื่ออยู่ในอารมณ์ฉุนเฉียว ร้องเสียงแหลมเมื่อมีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับมัน หรือเมื่อถูกจับหรือเจ็บปวด

ตัวผู้ที่ต้องการผสมพันธ์อาจทำเสียงรัวในลำคอ (purr) มันเป็นส่วนหนึ่งของวิธีที่จะบอกตัวเมียว่ามันสนใจ กระต่ายอาจขบฟันนั่นคือสัญญาณของความเจ็บปวด ถ้าไม่แน่ใจว่ากระต่ายของคุณกำลังพยายามจะพูดกับคุณด้วยเสียงของมันหรือเปล่า ให้ดูว่ามันทำอะไรอีก ดูท่าทางและการเคลื่อนไหวของร่างกายของมัน สิ่งนี้จะช่วยบอกได้ว่ามันกำลังพูดอะไร


~*~การเคาะเท้า~*~
กระต่ายจะตีเท้าหลังกับพื้นเป็นสัญลักษณ์เตือนภัย สิ่งนี้เรียกว่า การเคาะเท้า (thumping) กระต่ายยังอาจทำเสียงโดยการกระโดดขึ้นลงด้วย 2 ขาหลัง แต่ยังคงอยู่ที่เดิม บางครั้งมันอาจปัสสาวะไปด้วย ส่วนใหญ่เราจะเห็นการเคาะเท้าเมื่อกระต่ายของพวกเขาเครียดหรือตื่นกลัวมากกว่า กระต่ายบางตัวจะเคาะเท้าเมื่อเข้าไปหามันหรือพยายามจะอุ้มมันขึ้นมา นี่คือสัญญาณเตือนให้คุณรู้ว่า ถ้ากระต่ายตื่นกลัวง่ายหรือยังไม่เคยถูกจับต้อง การเคาะเท้าอาจตามมาด้วยการทำร้าย กระต่ายอาจเคาะเท้าเพื่อให้ได้สิ่งที่มันต้องการ เช่น ขออาหารอีก หรือมันอาจเคาะเท้าเพื่อพยายามห้ามไม่ให้คุณไล่มันกลับเข้าไปในกรง



~*~การเคลื่อนไหวร่างกาย หู หรือหาง~*~

มีอีกวิธีที่กระต่ายจะใช้ร่างกายเพื่อสื่อสารกับคุณ ถ้ามันกำลังจะจู่โจม มันจะโก่งตัวขึ้นและหางชี้ มันอาจลู่หูของมันไปข้างหลังด้วย ในทางตรงกันข้ามถ้ากระต่ายโก่งตัวโดยหูไปอยู่ข้างหลังแต่นั่งอยู่ มันจะอยู่ในท่าระวังตัว มันกำลังคิดว่าจะโจมตีดีหรือไม่



~*~การเรียกร้องความสนใจ~*~

กระต่ายบางตัวจะแสดงออกให้เห็นได้ชัดเจนมากว่า เมื่อไรที่มันต้องการความสนใจ และเมื่อไรที่ไม่ต้องการ ถ้ากระต่ายเอาจมูกมาดุนนั่นคือมันต้องการให้สนใจ ถ้าข่วนพื้นด้วยเท้าหน้า มันอาจกำลังเรียกร้องความสนใจด้วยเช่นกัน ขณะที่คุณกำลังเล่นกับมันๆ อาจจะผลักมือคุณออก มันกำลังบอกอย่างชัดเจนว่า “ขอบคุณ แต่พอแล้ว หยุดเถอะ” กระต่ายของคุณกำลังพยายามบอกคุณด้วยว่ามันไม่ต้องการความสนใจจากคุณ ถ้ามันดิ้นรนขณะที่คุณอุ้มมันขึ้นมา

กระต่ายอาจงับคุณ เพื่อให้สนใจมันหรือให้คุณทำในสิ่งที่มันต้องการ การงับนี้แตกต่างจากการกัดด้วยความโกรธ การตอบสนองที่เหมาะสมคือให้ส่งเสียงร้องดังๆ เพื่อให้กระต่ายรู้ว่ามันทำคุณเจ็บ เชื่อหรือไม่ว่ามันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณเจ็บ สิ่งที่มันต้องการคือความสนใจ ถ้าคุณร้องทุกครั้งที่กระต่ายงับ มันจะเรียนรู้ที่จะงับให้เบาลงหรือไม่ทำแบบนี้อีกเลย



~*~การทำเครื่องหมาย~*~

ถ้าคุณมีกระต่ายตัวผู้ คุณอาจสังเกตเห็นมันถูคางไปทั่วบ้านและทั่วกรงของมัน มันกำลังทำเครื่องหมายบอกอาณาเขต กระต่ายมีต่อมกลิ่นอยู่บนหัว และกลิ่นนี้จะถูกทาบนสิ่งต่างๆ ที่กระต่ายคิดว่าอยู่ในอาณาเขตของมัน กระต่ายตัวใดก็ตามที่ผ่านเข้ามาจะรู้ได้ทันทีว่าเขตนี้เป็นของกระต่ายอีกตัวหนึ่ง



~*~ภาษาร่างกายอื่นๆ~*~

เมื่อกระต่ายของคุณเลียหรือดม นั่นหมายความว่ามันชอบคุณมาก
ถ้ามันนั่งลงบนตะโพกอยู่ในกรงของมัน มันต้องการจะออกมา
ถ้ามันอยู่นอกกรงและนั่งลง มันกำลังเฝ้าระวัง นี่คือวิธีที่กระต่ายดูว่ามีผู้ล่าหรือเปล่าเมื่ออยู่ในป่า
มันจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ที่จะอ่านใจกระต่ายของคุณให้ออก เพื่อที่จะได้สร้างความสัมพันธ์อันดีกับมัน เป็นเรื่องสำคัญที่มันต้องเรียนรู้ที่จะไว้ใจคุณด้วยเช่นกัน วิธีเริ่มต้นที่ดีวิธีหนึ่งคือ อย่าจับหรืออุ้มเมื่อมันไม่ต้องการ ถ้ากระต่ายไม่พร้อมที่จะให้อุ้ม คุณยังคงสามารถให้ความสนใจและสร้างความสัมพันธ์กับมันได้ โดยการเการอบๆ ใบหูของมัน หรือถูคางของคุณกับหน้าของมันขณะที่มันอยู่ที่พื้น



~*~ความก้าวร้าว~*~

เราชอบคิดว่ากระต่ายเป็นสัตว์เล็กที่เชื่องและน่ารัก พวกมันอาจจะวิ่งไล่กัน แต่เราไม่คิดว่ามันจะต่อสู้กัน ความจริงคือกระต่ายทุกตัวอาจก้าวร้าวได้ภายใต้สถานการณ์หนึ่ง เช่น หวาดกลัว มีกระต่ายน้อยตัวมากที่จะแสดงความก้าวร้าวโดยไม่มีสาเหตุ

กระต่ายอาจจะดื้อมากหรือแม้แต่กลัวน้อยในตอนแรก กระต่ายอาจจะกัดและแตะอย่างแรง การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของมันอาจทำให้ยากที่จะทำอะไรได้ในเวลาที่มันก้าวร้าว ต้องใจเย็นๆ แม้คุณจะมีกระต่ายที่ชอบแสดงความก้าวร้าวออกมา แต่ในที่สุดมันก็จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่องได้ตามที่คุณต้องการ



~*~การแสดงอำนาจ~*~

ต้องให้ความสนใจต่อสถานการณ์ที่นำมาซึ่งความก้าวร้าว กระต่ายบางตัวจะแสดงพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแสดงอำนาจ กระต่ายพวกนี้จะพยายามขึ้นเป็นผู้นำในบ้านของคุณ และต้องให้มันรู้ว่าคุณต่างหากที่เป็นผู้นำ กระต่ายบางตัวจะพยายามแสดงอำนาจของมันโดยการปัสสาวะบนเตียงหรือเก้าอี้ตัวโปรดของคุณ หรือปัสสาวะรดกรงของกระต่ายอีกตัวหนึ่ง เพื่อกำหนดอาณาเขตและแสดงความมีอำนาจเหนือกว่า

เราสามารถปรับพฤติกรรมของมันได้ โดยการไม่ให้กระต่ายเข้าไปในสถานที่นั้น และสามารถสร้างความมั่นใจได้ด้วยว่ากระต่ายจะอยู่ในการควบคุม เมื่อมันถูกปล่อยออกมานอกกรง เพื่อที่คุณจะได้ไล่มันไปจากที่นั่น เมื่อไรก็ตามที่มันเข้าไปใกล้ การดุด้วยเสียงที่หนักแน่นอาจเป็นการแสดงให้เห็นว่าสถานที่นั้นอยู่นอกอาณาเขตของมัน ถ้าไม่ได้ผลคุณอาจจัดเซอร์ไพรส์ให้กระต่ายของคุณ โดยวางกับดักที่ไม่เป็นอันตรายไว้บนเตียงหรือเก้าอี้ด้วยลูกโป่ง หรืออุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับดักหนู ซึ่งสามารถหาซื้อได้จากร้าน pet shop เพื่อทำให้กระต่ายตกใจหนีไป



~*~การงับ~*~

อีกวิธีหนึ่งที่กระต่ายอาจทำเพื่อแสดงอำนาจคือ การงับเมื่อคุณอยู่บนเก้าอี้หรือเตียง ในสถานการณ์เช่นนี้กระต่ายกำลังพยายามบอกว่า สถานที่นี้คืออาณาเขตของมันและคุณควรออกไปจะดีกว่า การโต้ตอบของคุณคือบอกกระต่ายว่าที่นี่คืออาณาเขตของคุณ ส่งเสียงดังตอบการงับนั้นและค่อยๆ แต่อย่างมั่นคง วางกระต่ายลงบนพื้น หรือค่อยๆ กดหัวมันลง เป็นความหมายของอำนาจที่คุณมี อาจจะต้องทำสิ่งนี้ 2-3 ครั้ง ก่อนที่กระต่ายจะเลิกท้าทายคุณ ถ้าดูเหมือนมันไม่รับรู้ว่าคุณกำลังพยายามจะสอนอะไรมันให้ไล่มันกลับไปที่กรง คุณควรเคารพว่ากรงคืออาณาเขตของกระต่าย เมื่อไรก็ตาม ถ้าเป็นไปได้ให้มันออกมาเองเมื่อคุณต้องการให้มันออกมาจากกรง ดีกว่าจะเอื้อมมือเข้าไปคว้าตัวมันจากข้างในกรง



~*~การหาคู่~*~

กระต่ายที่ถูกกระตุ้นโดยฮอร์โมนอาจแสดงความก้าวร้าวได้ ถ้ากระต่ายกำลังมองหาคู่และหาไม่ได้ กระต่ายอาจแสดงอาการก้าวร้าว ส่วนใหญ่กระต่ายจะเดินวนรอบเท้าของคุณ เอาปากสัมผัสคุณ (หรือวัตถุ) แล้วกัด การทำหมันหรือตอนกระต่ายจะช่วยบรรเทาปัญหานี้ลงได้

จำไว้ว่ากระต่ายที่ก้าวร้าวต้องใช้เวลาในการปรับพฤติกรรมนานกว่ากระต่ายตัวอื่น ดังนั้นคุณต้องอดทน บางครั้งอาจรู้สึกว่าไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยกับการฝึกและการสร้างความสัมพันธ์ ไม่จริงหรอก จงทำต่อไป



~*~การกินอุจจาระของตัวเอง (Coprophagy)~*~

ถ้าเฝ้าดูกระต่ายในตอนเช้าตรู่ อาจเห็นมันทำท่าแปลกๆ โดยการเอี้ยวหัวไปข้างหลังจนกระทั่งหัวของมันเข้าไปอยู่ใต้หาง โดยการเฝ้าดูอย่างใกล้ชิดจะเห็นว่ากระต่ายกำลังกินอุจจาระของตัวเอง นี่คือพฤติกรรมตามธรรมชาติเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องยอมให้กระต่ายของคุณทำสิ่งนี้ แม้จะพบว่ามันน่าขยะแขยงก็ตามที

การกระทำแบบนี้เรียกว่า Coproghagy หนึ่งครั้งต่อวันในตอนเช้าตรู่กระต่ายจะผลิตอุจจาระที่อ่อนนุ่ม ซึ่งแตกต่างจากอุจจาระในระหว่างวัน อุจจาระที่อ่อนนุ่มนี้เรียกว่า Cecotropes กระต่ายจะได้รับสารอาหารเพิ่มเติมจากการกิน Cecotropes เข้าไป แบคทีเรียในลำไส้ของกระต่ายจะผลิตวิตามินบี และโปรตีนซึ่งออกมากกับ Cecotropes กระต่ายที่ไม่ได้กิน Cecotropes บางทีอาจเพราะความเจ็บป่วย อาจเกิดการขาดวิตามินบีและการเปลี่ยนแปลงที่ไม่พึงปรารถนาของแบคทีเรียในลำไส้